top of page

คุยกับคออนิเมะ : โตแล้วทำไมยังดูการ์ตูน?

Writer's picture: Panisara CharoenkitPanisara Charoenkit


สวัสดีทุก ๆ ท่านค่ะ ช่วงนี้ปรากฏการณ์ Anime Boom! กลับมาอีกครั้ง มีหลายเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ เช่น Demon Slayer, Attack on Titan, My Hero Academia และ Jujutsu Kaisen ซึ่งหลายคนอาจจะสังเกตเห็นได้ว่ามังงะและการ์ตูนมีกระแสมากขึ้นในวงกว้าง นอกจากจะเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัยแล้ว ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวเอเชียอีกด้วย


หลายคนอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “โตแล้วทำไมยังดูการ์ตูนอีก?” ใช่ไหมคะ มิ้งค์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันกับคุณพิมชา เจ้าของนามปากกา Pimcha ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบมังงะและการ์ตูนค่ะ


สวัสดีค่ะคุณพิมชา ก่อนอื่นขอให้คุณพิมแนะนำตัวเองก่อนค่ะ

ค่ะ ชื่อพิมชานะคะ พิมชนก กุสสลานุภาพค่ะ ตอนนี้อยู่ชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒค่ะ


ส่วนตัวแล้วคุณพิมชาชอบมังงะหรือว่าการ์ตูนไหมคะ

ชอบค่ะ ชอบมาก ๆ เลย มันเป็นงานอดิเรกที่เราคิดว่าเราต้องทำทุกวัน เป็นเหมือนชีวิตประจำวันไปแล้วค่ะ


คุณพิมชาคิดว่าสเน่ห์ของมังงะและการ์ตูนคืออะไรคะ

คิดว่าสเน่ห์ของมังงะและการ์ตูนคือมันทำให้เราได้เห็นโลกอีกโลกหนึ่งที่เราไม่มีโอกาสได้เห็น เช่น แนวแฟนตาซี แนวที่ไม่ใช่ Slice of Life หรือชีวิตประจำวันของเรา มันทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเราสามารถเข้าไปอยู่ในโลกนั้นได้ แค่เราเปิดหนังสือขึ้นมาอ่าน หรือกดเครื่องเล่นแล้วดูค่ะ


ปกติชอบมังงะหรือการ์ตูนแนวไหนเป็นพิเศษไหมคะ

ปกติชอบแนวมังงะโชเน็น มันเป็นแนวสำหรับผู้ชายที่จะมีเรื่องของการต่อสู้ การใช้อาวุธประมาณนี้ค่ะ


แล้วถ้าให้เลือกหนึ่งเรื่องที่ชอบที่สุดแค่เรื่องเดียวจะเลือกเรื่องอะไรคะ

อืม (คิด) ถ้าชอบที่สุดให้เป็น Attack on Titan แล้วกันค่ะ เพราะเป็นอนิเมะเรื่องแรก ๆ ที่เราติดตามมาตั้งแต่เริ่มสร้างเลย แล้วเรารู้สึกว่าตอนนั้นเรายังเด็กมาก ความรู้สึกแรกที่ดูคือแค่เอามันส์อย่างเดียว แต่พอเราโตขึ้นและได้กลับมาดูซ้ำ เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่มีอะไรมากกว่าแค่ยักษ์กินคน มันทั้งเสียดสีชนชั้นวรรณะ สังคมของทหาร การเสียสละเพื่อคนที่รัก หรือเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่ต้องเจอเหตุการณ์อะไรบางอย่างซึ่งทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล จากเด็กที่สดใสร่าเริงกลายเป็นแตกสลาย แล้วทุกคนก็หันหลังให้เขา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดใจ แล้วเราก็อินมาก ๆ เลย


คุณพิมชามีตัวละครที่เป็นไอดอลในการใช้ชีวิตบ้างไหมคะ

ช่วงหลัง ๆ นี้เรา Work from Home แล้วรู้สึกว่าเราใช้ชีวิตอยู่ติดกับบ้านมาก ๆ เราเลยอยากใช้ชีวิตเหมือน ทัตซึน จากเรื่องพ่อบ้านสุดเก๋า (หัวเราะ) ไม่ได้หมายความว่าเราอยากเป็นยากูซ่าหรือมาเฟียนะแต่ว่าเราอยากมีชีวิตที่เรียบง่าย ตื่นมาก็ทำงานบ้าน ทำอาหาร แล้วก็ต้องประณีตทุกขั้นตอน ใส่ใจวัตถุดิบ ใส่ใจกับเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ทำอาหาร ในแต่ละวัน อยากใช้เวลาไปกับการดูแลข้าวของในบ้านให้เรียบร้อย แค่อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุด รู้สึกว่าการที่เราได้ทำอะไรที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไปมันเป็นสิ่งที่สุดยอดมาก


สมมติว่าวันหนึ่งคุณพิมชาสามารถทะลุมิติเข้าไปในเรื่องได้ อยากเข้าไปในเรื่องอะไร และจะทำอะไรบ้างคะ

ถ้าเลือกได้อยากใช้ชีวิตในโลกของ ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน มันเป็นโลกอดีตก่อนที่เทคโนโลยีจะเข้ามา ก่อนเราจะมีโทรศัพท์ ก่อนเราจะมีอินเทอร์เน็ต สมัยนั้นผู้คนจะติดต่อสื่อสารกันได้ก็คือด้วยการเขียนจดหมาย แต่คนที่อ่านออกเขียนได้มีน้อย ก็เลยมีอาชีพที่เรียกว่า ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ ซึ่งคือคนเขียนจดหมาย เราจะกลั่นกรองคำพูดของคนที่มาว่าจ้างให้ออกมาเป็นจดหมายที่สวยงามและพร้อมจะส่งถึงผู้รับ ต้องสื่อสารออกมาให้ผู้รับรู้สึกว่านี่คือความรักและความคิดถึงจากผู้ส่งจริง ๆ พูดง่าย ๆ ก็คืออยากประกอบอาชีพออโต้เมมโมรี่ดอลล์ค่ะ(Auto Memory Doll)


จากที่ผ่านมามีโควทจากมังงะหรือการ์ตูนที่จำได้ขึ้นใจหรือชอบที่สุดไหมคะ

เรานึกถึงประโยคจากเรื่อง Given มันจะเป็นมังงะแนว BL ซึ่งจะมีสองประโยคที่เราชอบและจำได้คือ

บางที สิบปีข้างหน้าก็ยังคงจำเรื่องในวันนี้ได้ แต่ว่า คงค่อย ๆ หลงลืมไปทีละนิด ชื่อของป้ายรถบัสที่ลง สีเสื้อสเวตเตอร์ที่ใส่วันนี้ คำพูดที่ชอบพูดกันสองคนในช่วงนี้ จะต้องค่อย ๆ ลืมไปทีละนิดแน่ — มาฟุยุ

เป็นคำพูดที่มาฟุยุพูดกับยูกิ มันทัชใจเรามาก ถึงแม้ว่าเราจะมั่นใจว่าเรารักคน ๆ นี้มาก ๆ ต่อให้อีกกี่ร้อยกี่พันปีเราก็จะไม่มีทางเลิกรักคน ๆ นี้ แต่สุดท้ายอะไรก็เกิดขึ้นได้ กับอีกประโยคหนึ่งคือประโยคของอุเก็ตสึ คือเขามีความสัมพันธ์กับมือกลองคนหนึ่ง แต่ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องแข่งกันตลอดเวลา ในตอนที่เขากำลังจะตัดใจเขาก็เลยพูดว่า

ฉันอยากให้ความทุกข์นี้จบลง ถึงจะไม่ได้กลับมาเป็นแบบเดิม ถึงจะไปที่ห่างไกล อย่างน้อยขอให้เหลือดนตรีไว้สักอย่างก็พอ - อุเก็ตสึ

ซึ่งดนตรีในที่นี้ก็คือสิ่งที่เชื่อมพวกเขาเอาไว้ด้วยกันค่ะ


คำถามสุดท้ายแล้ว ถ้าสมมติว่ามีมังงะเรื่องหนึ่งที่เขียนแล้วเซ็ตติ้งอยู่ในประเทศไทย อยากให้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรคะ

ถ้าพูดถึงมังงะส่วนมากก็จะเป็นชีวิตเด็กม.ปลายเนอะ เราคิดว่าคนผลิตสื่อในไทยค่อนข้างจะสโคปความเป็นเด็กม.ปลายไปที่เด็กในเมืองหลวง ซึ่งบางทีเราไม่อิน ไม่รีเลทเพราะเราเกิดและโตในต่างจังหวัด พอเราดูแล้วเรารู้สึกว่ามันค่อนข้างไกลตัวเราเกินไป ถ้าเรามีมังงะสักเรื่องที่มันทำให้เราได้เห็นถึงชีวิตของเด็กต่างจังหวัด ชีวิตง่าย ๆ อาจจะเพิ่มภารกิจอะไรบางอย่าง เช่น เปิดโปงการทุจริตขององค์กรการศึกษา อยากให้โฟกัสไปที่เด็กในโรงเรียนรัฐบาลไทย คิดว่าคนทั่วประเทศน่าจะรีเลทได้มากกว่า





จะเห็นได้ว่ามังงะหรือการ์ตูนไม่ใช่เพียงสื่อที่ให้ความบันเทิงเท่านั้น ทว่ายังสะท้อนชีวิต สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ใครหลาย ๆ คนได้ใช้ชีวิตต่อไปอีกด้วย และถ้าหากลองคิดดูแล้วมังงะและการ์ตูนยังเป็นเครื่องมือเพิ่ม Soft Power ได้อย่างดีมากด้วยค่ะ มิ้งค์คิดว่าถ้าหากวันหนึ่งเราได้เผยแพร่ความเป็นไทยไปสู่สายตาชาวโลกผ่านมังงะและการ์ตูนก็คงจะดีไม่น้อย


หลาย ๆ คนอาจจะคลายข้อสงสัยได้บ้างแล้วว่าทำไมบางคนโตแล้วยังดูการ์ตูนอยู่อีก แต่ทางที่ดีลองถามชื่อเรื่องมาสักเรื่องหนึ่งแล้วเปิดดูสักตอนสิคะ บางทีนั่นอาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดก็ได้ค่ะ


สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณพิมชาที่มาพูดคุยและแบ่งปันความคิดเห็นกับเรานะคะ ทุก ๆ ท่านสามารถติดตามงานเขียนของคุณพิมชาได้ที่ช่องทางด่านล้างนี้ค่ะ





 









Pimchanok K.

Writer, Graphic Designer and Proofreader


197 views

Comments


SUBSCRIBE VIA EMAIL

  • Facebook
  • Pinterest
  • Twitter
  • Instagram

Thanks for submitting!

© 2023 by Salt & Pepper. Proudly created with Wix.com

bottom of page