Chapter 1
“โปรดทราบ ขบวนรถกำลังเข้าสู่ชานชาลา...”
ผมกระชับกระเป๋าสะพายไหล่เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของผู้ประกาศหญิงที่กล่าวประโยคเดิมถึงสองครั้ง ทันทีที่รถไฟจอดเทียบที่สถานี ก้อนเนื้อในอกเต้นโครมครามยิ่งกว่าตอนตกหลุมรักครั้งแรก
โชคไม่ดีนักที่เวลานี้คือเย็นวันศุกร์ ผู้คนจึงเบียดเสียดมากกว่าปกติ ผมจำต้องเดินมาอยู่ด้านในสุดอย่างเสียไม่ได้ หลังจากพื้นที่เริ่มแคบลงจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกันรถไฟก็เริ่มเคลื่อนขบวน ผมกลั้นหายใจทุกครั้งที่ประตูรถปิด และผ่อนลมหายใจยาว ๆ เมื่อประตูรถเปิด กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางเหงื่อก็ซึมไปทั่วแผ่นหลัง ถ้าเปรียบตู้รถไฟในเย็นวันศุกร์ปลากระป๋อง ผมก็คงเป็นปลาแมกเคอเรลดี ๆ นี่เอง
ผมกลับถึงบ้านราวสองทุ่มครึ่ง “บ้าน” ที่ว่าคือห้องสตูดิโอขนาดร้อยห้าสิบตารางเมตรบนคอนโดมิเนียม ทว่าผมจ่ายค่าเช่าในราคาถูกกว่าปกติเพราะเจ้าของห้องคือญาติของผมเอง
ผมถอดถุงเท้าโยนใส่ตะกร้า หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็ชำระร่างกายจนสะอาดหมดจด ผมเดินไปเปิดตู้เย็น กระดกขวดน้ำดื่มพลางมองขยะที่แน่นขนัดอยู่ในถัง พรุ่งนี้คงต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่เสียแล้ว
แม้จะเหนื่อยล้าจากการทำงานแต่ผมจะไม่ปล่อยให้เวลานี้สูญเปล่าเด็ดขาด ผมเดินไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ว่าแล้วก็เปิดเว็บเบราว์เซอร์ขึ้นมาเสิร์จหาตัวปรับแต่งเกมใหม่จนเลื่อนไปเจอกระทู้น่าสนใจ
‘The Sims 4 - First Person CC ม็อดมุมมองบุคคลที่ 1 สมจริงราวกับเข้าไปอยู่ในเกม’
น่าสนใจแฮะ
ผมกดเข้าไปดูรายละเอียด ในกระทู้เขียนว่าถึงแม้เกมจะอัปเดตแพทช์ใหม่ซึ่งเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่งแล้วก็ตาม ทว่าม็อดนี้จะทำให้การเล่นเกมดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ผมกวาดสายตามองภาพตัวอย่าง ก่อนจะกดดาวน์โหลดอย่างไม่ลังเล เมื่อลงม็อดเสร็จก็กดเข้าเกมทันที
วันนี้ผมเลือกเล่นซิมส์ตัวโปรด ซึ่งเป็นตัวละครที่ผมสร้างขึ้นมาโดยอิงจากตัวตนของผมเอง ต่างกันตรงที่ว่าเขาเป็นพนักงานออฟฟิศที่อาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองแซนมายซูโน่ และมีเงินในบัญชีอีกเจ็ดล้านซิโมเลียน ความจริงเขาไม่ต้องทำงานก็ได้แต่ผมเกรงว่าเกมจะน่าเบื่อเกินไป ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือผมสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองนี่แหละ
อีกอย่างคือผมตั้งชื่อเท่ ๆ ว่า “โนอาห์” แทนที่จะเป็น “ศรัณย์” อะไรทำนองนั้น ซึ่งก็ไม่แปลก คงไม่มีใครสร้างเดอะซิมส์โดยใช้ชื่อตัวเองหรอกใช่ไหม
ม็อดนี้สุดยอดมากถึงแม้ตอนแรกจะเวียนหัวไปบ้าง ตอนนี้ผมกำลังสั่งให้โนอาห์เข้านอนเพราะเขาต้องไปทำงาน ทว่าจู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นอย่างหัวเสียเพราะเสียงรบกวนของเพื่อนบ้าน เขาเดินไปเคาะประตูของเพื่อนบ้านอย่างเกี้ยวกราดโดยไม่รอให้ผมคลิกคำสั่ง ไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา
‘เจโรม ลินซีย์’
ซิมส์วัยหนุ่ม-สาว
ไอ้หนุ่มผมสีบลอนด์เทา นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน หน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเจ้าจงใจปั้นเปิดประตูออกมา เขาสวมเสื้อยืดลายวงดนตรี กางเกงยีนส์สีซีด และสวมสร้อยวิเวียน เวสต์วูด ถ้าจำไม่ผิดเขาน่าจะเป็นตัวละครที่น้องสาวของผมสร้างไว้ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ผมจะพยายามไม่เข้าไปยุ่งกับเขามากนัก เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
โนอาห์กำลังจะต่อว่าอีกฝ่าย ซึ่งส่วนนี้คือฉากที่ผมรอคอย ทว่ายังไม่ทันพูดอะไร ไฟในห้องผมก็ดับลง รวมถึงคอมพิวเตอร์และเกมที่ดับตามไปด้วย แล้วหลังจากนั้นเพียงสามวินาทีไฟก็กลับมาติดเหมือนเดิม นี่คือเรื่องที่เลวร้ายที่สุด
ผมหาววอดขณะเปิดเกมอีกครั้ง แล้วมองเพชรสีเขียวหมุนวนไปราวกับถูกสะกดจิต ดวงตาหรี่ลงเรื่อย ๆ ผมฟุบหน้าลงบนโต๊ะและผล็อยหลับไปในที่สุด
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเพลงและสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ผนังห้อง นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนแล้วนะ จำได้ว่าภาพสุดท้ายคือตอนที่ผมกำลังจะเข้าเกมใหม่ นี่ผมนั่งหลับจริง ๆ หรือนี่
ผมขยี้ตา บิดขี้เกียจสองสามครั้ง ทว่ายังงัวเงียไม่หาย ตอนนี้ผมอยู่บนเตียงแทนที่จะเป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์ ไม่ยักรู้มาก่อนว่าเตียงของผมนุ่มขนาดนี้ อยากนอนต่ออีกสักหน่อยถ้าไม่ติดว่าคุณป้าห้องฝั่งตรงข้ามเปิดเพลงเสียงดังเกินไป
ผมยันตัวลุกขึ้น เดินออกจากห้องไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา จนมาหยุดอยู่หน้าห้องที่เป็นต้นตอของเสียงอึกทึกคึกโครม จากนั้นก็เคาะประตู ครั้งแรกไม่มีใครออกมา ครั้งที่สองก็ไม่มีใครออกมา ตอนนี้ผมเริ่มโมโหขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ผมเคาะประตูอีกครั้ง คราวนี้ใส่แรงเข้าไปเต็มที่ ซึ่งมันได้ผล เสียงเพลงเบาลงและเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตู
“ขอโทษครับ พอดีเสียงเพลงมันดังไปหน่อย...”
ผมพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงไปในลำคอ เพราะคนที่ออกมาไม่ใช่หญิงชราแต่เป็นผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผมตกใจเล็กน้อยเพราะจำได้ว่าคุณป้าไม่มีลูกชาย และอีกอย่างสามีของเธอก็ตายไปหลายปีแล้ว
“คุณเป็นใครเนี่ย” ผมโพล่งออกไป
“เพื่อนบ้านคุณไง” เขาตอบ
หรือว่าจะเป็นหลาน จริงด้วย ผมเพิ่งนึกออกว่าคุณป้ามีหลาน แบบว่า ลูกของพี่สาวน่ะ
“คุณป้าไม่อยู่เหรอ…”
เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มมุมปาก ตอนนั้นผมเพิ่งได้มองหน้าเขาชัด ๆ หลานคุณป้าหล่อเหลาเอาการเหมือนกันนะ และน่าจะเป็นลูกครึ่งด้วย
“ยังไงก็ช่วยเบาเสียงเพลงหน่อยนะครับ มันดังไปถึงห้องผมเลย”
“โอเค” เขาตอบห้วน
“ถ้างั้นผมไปละ” ผมพูดก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ห้องตัวเอง
“ฝันดี โนอาห์”
เมื่อกี้เขาเรียกผมว่าอะไรนะ
ผมหันขวับกลับไปมองผู้ชายที่ยืนพิงประตูแล้วมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมสีบลอนด์เทา นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน หน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเจ้าจงใจปั้น เขาสวมเสื้อยืดลายวงดนตรี กางเกงยีนส์สีซีด และสวมสร้อยวิเวียน เวสต์วูด รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน
“เจโรม”
“ทีนี้จำกันได้แล้วเหรอ”
สิ้นประโยคนั้นเหมือนโลกหยุดหมุน ผมรีบวิ่งกลับเข้าห้อง กวาดสายตามองเครื่องเรือนราคาแพงพร้อมกับวิ่งไปส่องกระจก เงาที่สะท้อนในนั้นคือตัวผมที่ดูเปล่งปลั่งมากกว่าปกติ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมอะไรทั้งนั้น ขณะนั้นเองโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ก็มีสายโทรเข้ามา
งานของโนอาห์จะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมง เลือก ‘ไปที่ทำงาน’ หรือ ‘อยู่บ้าน’
ตอนนี้ผมต้องตั้งสติแล้วสมมติว่าตอนนี้ผมคือโนอาห์ ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้จะเป็นความจริง ความฝัน หรือเป็นแค่การซ่อนกล้องก็ตาม แต่เมื่อคิดว่าถ้าผมเป็นโนอาห์แล้วควรทำอย่างไร ผมก็ตัดสินใจได้ทันที
“ผมลาออกครับ”
ผมในวัย 23 ปี ต้องใช้ชีวิตเป็นซิมส์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเสียแล้ว
To Be Continued...
อมกกกกกก สนุกมากกกก อยากอ่านต่อเลยค่ะว่าจริงๆศรันย์หลุดเข้ามาได้ยังไง แล้วจะใช้ชีวิตในโลกซิมส์ยังไงต่อไป จะถูกผู้เล่นคนใหม่เข้ามาคอนโทรลอะไรไหม สนุกมากค่ะ